แมวนำความสุขและความผูกพันมาสู่ชีวิตเรา แต่สุขภาพของแมวก็ต้องดูแลอย่างใส่ใจ การถ่ายพยาธิเป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าของแมวทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยปกป้องทั้งแมวและคนในบ้าน
🐾 ทำไมต้องถ่ายพยาธิแมว?
ปัญหาพยาธิมีผลกระทบต่อสุขภาพ:
• พยาธิภายใน: เช่น พยาธิตัวกลม พยาธิตัวตืด ทำให้แม้อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร และเจริญเติบโตช้า
• พยาธิภายนอก: เช่น หมัด เห็บ ทำให้ผิวหนังคัน แดง ขนร่วง และอาจติดเชื้อจากการเกา
• พยาธิบางชนิด เช่น ท็อกโซพลาสมา สามารถติดต่อสู่คน โดยเฉพาะผู้หญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
ดังนั้น การถ่ายพยาธิเป็นประจำจึงจำเป็นต่อสุขภาพของแมวและครอบครัว
✅ วิธีถ่ายพยาธิที่ถูกต้อง
ก่อนเริ่มถ่ายพยาธิ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ เลือกยาที่เหมาะสมตามอายุ น้ำหนัก และสุขภาพของแมว
🧡 การถ่ายพยาธิภายใน
• รูปแบบ: เม็ด แคปซูล ยาน้ำ เป็นต้น
• ลูกแมว: ควรถ่ายพยาธิเมื่ออายุ 6, 8 และ 12 สัปดาห์ จากนั้นเดือนละครั้งจนถึงอายุ 6 เดือน
• แมวโต: ทุกๆ 3–6 เดือน หากแมวออกไปข้างนอกหรือกินเนื้อดิบ แนะนำถี่ขึ้นเป็นทุก 1–3 เดือน
• เคล็ดลับ: ผสมยาในอาหารหรือใช้ที่ป้อนยา และปฏิบัติตามขนาดยาที่กำหนด
🌿 การถ่ายพยาธิภายนอก
• รูปแบบ: ยาหยด สเปรย์ ปลอกคอป้องกัน
• ยาหยด: หยดบนผิวหนังบริเวณหลังคอที่แมวเลียไม่ถึง
• สเปรย์: ฉีดย้อนขน หลีกเลี่ยงตาและปาก แล้วนวดเบาๆ
• ปลอกคอ: ใส่ตามคำแนะนำ ให้พอดีไม่รัดเกินไป
• แมวโตมักต้องถ่ายพยาธิภายนอกทุก 1–3 เดือน ในช่วงที่มีหมัดเห็บเยอะหรือแมวออกนอกบ้านบ่อย อาจเพิ่มความถี่
🏡 สิ่งที่ควรสังเกตหลังถ่ายพยาธิ
• สังเกตแมว 24–48 ชั่วโมงหลังถ่ายพยาธิ อาจมีอาการไม่สบายเล็กน้อย แต่ถ้าอาเจียน ซึม หรือผิดปกตินาน ควรพบสัตวแพทย์
• ทำความสะอาดกระบะทราย ที่นอน ของเล่นเป็นประจำ และใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดซ้ำ
การถ่ายพยาธิเป็นประจำช่วยให้แมวปลอดจากพยาธิและปกป้องทุกคนในครอบครัว ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าต้องถ่ายพยาธิให้แมวอย่างไรอย่างถูกต้องใช่ไหม?
